.
                    หากผู้หญิงเปรียบเป็นดั่งดอกไม้ ผู้ชายอย่างผมก็คงอาจมองได้เพียงรูปภาพ ไม่มีโอกาสได้สัมผัส ได้ดมกลิ่นอ่อนๆของดอกไม้เหล่านั้น
                    อีกสามวันจะถึงวันวาเลนไทน์ ผมจัดแจงปรับแต่งร่างกายให้ดูสะอาดสะอ้าน จัดแจงห้องให้ดูสวยงาม อะไรที่รกๆ ก็จัดให้เข้าที่เข้าทาง แล้วผมก็ก้มลงเขียนการ์ดหวานๆ พร้อมถ้อยคำหรูๆ ถึงคนๆหนึ่งที่ผมแอบปลื้มแอบชอบมานาน
                    “สองปีแล้วสินะ ที่แจกันใบนี้ยังคงตั้งอยู่บนหัวนอน อีกสามวันฉันจะทำความสะอาดเจ้าซะใหม่ ตอนนี้อยู่อย่างนี้ไปก่อนนะ” ผมยกแจกันขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อย ซึ่งในแจกันนั้นมีดอกไม้ปักอยู่สองดอก แต่ละดอกมีกลิ่นอ่อนๆ ของน้ำหอมที่ประพรมอยู่อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงดอกไม้ที่แห้งที่ผมพยายามรักษาให้มันคงสภาพเดิมไว้ แม้เวลาของมันจะผ่านไปดอกละหนึ่งปีสองปีก็ตาม
                    เช้าวันใหม่อากาศสดใส ผมตื่นนอนด้วยความตื่นเต้น หยิบการ์ดขึ้นมาเช็คความเรียบร้อยของตัวสะกดว่าถูกต้องหรือเปล่า พร้อมกับเก็บมันเข้าใส่ซองสีชมพู และผมก็เอาน้ำมาหยดลงบนกาวเพื่อผนึกมันให้สนิทกัน เพื่อป้องกันคนอื่นที่ไม่ใช่เธอแอบอ่านมันก่อนที่ความในใจของผมจะถูกเปิดเผยโดยบุคคลที่สาม
                    วันนี้คือวันพฤหัสบดี ผมฉีกปฏิทิน ที่แสดงว่าเมื่อวานนี้คือวันที่ 11 กุมภาพันธ์ทิ้งไป เหลืออีกสองวันสินะ ผมพึมพำกับตัวเอง และเดินลงบันไดด้วยความหวัง เพื่อไปกินอาหารเช้าที่มีคนได้จัดเตรียมไว้ให้ในตอนเช้า
   
                    “เอก รายงานอาจารย์เสร็จแล้วหรือยัง ส่วนของเราทำเสร็จแล้วนะ” เสียงทักทายจากเพื่อนทำให้ผมซึ่งกำลังเหม่อลอยหันกลับสู่ความเป็นจริง
                    “เสร็จแล้ว เอานี่” ผมควักลงไปในกระเป๋าเพื่อหยิบกระดาษรายงานขึ้นมา พลันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นการ์ดในกระเป๋าที่ผมพกติดมาด้วย
                    “เกือบไปแล้วสิ” ผมอุทานด้วยเสียงอันเบา เพราะเกรงว่าการ์ดนั้นจะหล่นออกมานอกกระเป๋าให้เพื่อนผมสังเกตเห็น แล้วซักถามถึงที่มาของมัน
                    “เอกคืนนี้นายว่างไหม ไปเดินซื้อของกับเราหน่อยสิ” ภพซึ่งเป็นเพื่อนที่ทักทายผมตะกี้เอ่ยปากชวน
                    “ไปซื้ออะไรเหรอ “ ผมถามด้วยความสนใจใคร่รู้
                    “ดอกกุหลาบไง เสาร์นี้ก็วาเลนไทน์แล้วนะจำไม่ได้เหรอ”
                    “จำได้สิ ว่าแต่นายจะซื้อให้ใครล่ะ”
                    “พัชไง ที่อยู่ห้องสอง นายก็เคยเห็นนี่นา เรากะว่าวาเลนไทน์นี้ล่ะ จะบอกรักพัชเค้า เราก็เอ่ยๆปากชวนเค้าไปเที่ยวแล้วล่ะ วันเสาร์นี้ เราก็เลยต้องไปหาดอกไม้ให้เค้าประทับใจเราหน่อย  แล้วนายล่ะ ไปหาซื้อดอกกุหลาบด้วยกันสิ ว่าแต่นายจะให้ใครเหรอเปล่าล่ะ”
                    “เราเหรอ ยังไม่รู้เลย” ผมตอบกลับออกไป ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจถึงเป้าหมายในวันเสาร์อย่างชัดเจน ผมจะต้องมอบกุหลาบสีแดงให้เธอคนนั้นให้ได้
                    “อ้าวเหรอ งั้นไปช่วยเราเลือกหน่อยก็แล้วกันนะ “
                    “อืมได้ แล้วเย็นนี้คุยกันอีกทีว่าจะเจอกันกี่โมง” ผมตอบแล้วก็ผละจากไปเพื่อเข้าห้องเรียนโดยมีภพตามหลังมาติดๆ
                    “เอก เสาร์นี้ว่างไหม เราจะไปดูหนังประสาคนโสด ไปด้วยกันไหม จิ๊บกับจอยก็ไปด้วยนะ” เก๋เพื่อนนักเรียนในห้องที่ออกจะมีนิสัยห้าวๆ เอ่ยปากชวน แต่รายชื่อนั้นทำให้ผมประหม่าและตอบตกลงอย่างไม่ต้องย้ำคิด
                    “ไปสิ วันเสาร์นี้เราไม่ได้ไปไหนอยู่เหมือนกัน”
                    “อืมตามประสาคนโสด สัญญาแล้วนะ ไม่ใช่พอถึงเวลาไปนัดกับสาวไหนแล้วเบี้ยวนัดกับเรานะ”
                    “ไม่หรอกน่า เราไม่เบี้ยวหรอก” ผมตอบออกไป ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ จะไปนัดสาวที่ไหนได้ในเมื่อวัตถุประสงค์ของเสาร์นี้อยู่ที่จอย ผู้หญิงที่ผมแอบปลื้มแอบรัก และเธอจะไปดูหนังกับผมเสาร์นี้
                    “เออ นายว่าดอกกุหลาบสีอะไรดีที่จะให้พัชเค้าดีล่ะ “
                    “สีแดงสิ ถ้าเป็นเราเราก็ให้สีแดง”
                    “นายว่างั้นเหรอ ดีเหมือนกันสีแดงหาง่ายดี ถูกกว่าสีอื่นด้วย”
                    “นายว่าเราให้พัชกี่ดอกดีล่ะ”
                    “นายชอบเค้ามานานหรือยังล่ะ”
                    “นานแล้วล่ะ”
                    “งั้นนายชอบเค้ามากี่ปีก็ให้เค้าเท่านั้นล่ะ”
                    “นายว่างั้นเหรอ”
                    “ป้า งั้นผมเอาดอกนึงแล้วกันนะ”
                    “อ้าวนายพึ่งชอบเค้าเหรอ”
                    “ใช่สิ เราพึ่งมองเห็นความน่ารักของเค้าน่ะ แต่เรารักเค้าจริงๆนะ ไม่ได้รักเล่นๆนะ”
                    “อืม เออรู้แล้วน่าว่ารักจริง ถึงรักเล่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้วนี่”
                    “ว่าแต่นายไม่ซื้อดอกกุหลาบอุดหนุนป้าหน่อยเหรอ”
                    “ป้าผมเอาสามดอก”
                    “อ้าว นายแอบชอบใครเค้ามาสามปีเหรอ”
                    “เปล่านะ”
                    “ก็นายพึ่งบอกเองนี่ว่ารักใครกี่ปีให้ดอกกุหลาบเท่านั้น”
                    “ไม่ใช่ วันเสาร์นี้เรามีนัดกับ จอยจิ๊บเก๋ว่าจะไปดูหนังน่ะ เราก็เลยว่าจะซื้อดอกกุหลาบไปให้เค้าหน่อยน่ะ จะได้ไม่น่าเกลียดสงสารพวกเค้าน่ะ ไม่มีดอกกุหลาบ”
                    “นายแน่ใจเหรอ ว่าพวกนั้นจะไม่มีใครให้ดอกกุหลาบเค้า”
                    “ไม่แน่ใจหรอก พวกเค้าคงจะไม่มีหรอกทะโมนกันออกจะทั้งกลุ่มอย่างงั้น” ผมพูดเพื่อแกล้งกลบเกลื่อน
                    “ป้าขอดอกเล็กๆหน่อยนะ เอาไม่ต้องแพงถูกๆ เอาไปให้เพื่อนไม่ได้ให้แฟน”
                    “อืมรู้แล้ว ไม่ต้องประกาศขนาดนั้นก็ได้”
                    “อืมซื้อเสร็จแล้ว นายจะกลับยังไง เดี๋ยวเรากะว่าจะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน”
                    “เดี๋ยวเรานั่งรถเมล์กลับ บ้านเรากับนายคนละทางกันอยู่แล้ว พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน”
                    “อืมพรุ่งนี้เจอกัน”
   
                    หลังจากที่ภพขึ้นแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ผมก็ย้อนกลับไปที่ร้านขายดอกไม้ป้าคนนั้นอีกครั้ง
                    “อ้าวหนู จะรับดอกไม้อีกเหรอ”
                    “ครับป้า คราวนี้ผมขอดอกกุหลาบสีชมพูดอกใหญ่ๆดอกนึงนะครับ”
                    “อืมคราวนี้คงให้แฟนจริงๆล่ะสินะ”
                    “ครับป้า” ผมตอบแล้วก็รีบจ่ายเงินแล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหมือนว่ามีใครมาจ้องจับผิดหรือภพอาจจะย้อนกลับมาดูผมลับหลัง
                    แล้ววันเสาร์ก็มาถึงหลังจากผมทะนุถนอมดอกกุหลาบสีชมพูดอกสวย ไว้นานถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน ผมจัดใส่ช่อให้ดูสวยงาม พร้อมทั้งหยิบการ์ดที่เตรียมไว้เมื่อสามวันที่แล้วออกมา
                    “แล้วเราจะทำอย่างไรกับดอกกุหลาบสามดอกนี้ดี” ผมเริ่มคิดถึงดอกกุหลาบสามดอกที่ซื้อมาก่อนหน้านี้
                    “แล้วเราจะถือไปให้ตอนไปดูหนังอย่างไร แล้วทั้งสองคนจะคิดอย่างไร ถ้าเราให้กุหลาบแต่จอยคนเดียว”
                    “เราจะเอาดอกกุหลาบให้ตอนไหนดี จะให้ตอนก่อนดูหรือหลังดูดีล่ะ”
                    “เอางี้ดีกว่า ให้ตอนขากลับตอนจะแยกกันดีกว่า”
                    “แล้วเราจะเอาดอกกุหลาบไปเก็บไว้ที่ไหนก่อนดีล่ะ”
                    “บ้านจอยต้องผ่านหน้าบ้านเรานี่ งั้นขากลับเราชวนจอยกลับด้วยกันแล้วกัน แล้วค่อยให้ตอนผ่านหน้าบ้านเรา”
                    ผมเริ่มกระบวนความคิดและหาคำตอบให้เสร็จสรรพ แล้วรีบออกจากบ้านไปโดยทิ้งของต่างๆไว้ที่บ้านเพื่อหวังจะกลับมามอบให้เมื่อผ่านหน้าบ้าน
                    “อ้าวเอกมาช้าจังเลย” จิ๊บทักทายเมื่อผมไปถึง แล้วสายตาผมก็ชำเลืองไปเห็นดอกกุหลาบสีแดงในมือของจิ๊บ
                    “อ้าวมีดอกไม้ด้วยนี่” ผมเอ่ยถามจิ๊บ
                    “ใช่ ยศน่ะเค้าเอามาให้เราแต่เช้าเลย แล้วก็ชวนเราไปกินข้าว แต่เราบอกเค้าว่าเรามีนัดแล้ว เค้าก็เลยบอกเราว่า ดูหนังเสร็จแล้วเค้าจะมารับ ดีใจกับเราหน่อยสิ เรากำลังจะสละโสดแล้ว”
                    “นี่จิ๊บเธอยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ เธอแค่รับรักเค้าเท่านั้นเอง “ เก๋เอ่ยแซวขึ้นมา โดยจอยอมยิ้มอยู่ไม่ห่างกันนัก
                    “เอาล่ะ ฉันซื้อตั๋วมาให้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็เข้าแล้วล่ะ เราไปร้องคาราโอเกะตรงนั้นรอกันหรือเปล่า”
                    “ดีสิ” เก๋กับจอยตอบเกือบจะพร้อมกัน
                    “จิ๊บเลือกเพลงแล้วกัน คนกำลังมีความรัก ร้องออกมาคงทำให้มีใครบางคนอิจฉานะ”
                    “บ้าซิ พวกเธอก็อย่าแซวฉันกันนักสิ” จิ๊บพูดพร้อมทั้งแก้มที่เป็นพวงสีชมพูด้วยความเขินอาย
   
                    หลังจากดูหนังเสร็จ ยศก็มารับจิ๊บ ทำให้เหลือเรากันแค่ 3 คน จอย เก๋ และผม ทุกอย่างยังคงนิ่งเงียบถึงแม้หนังจะสนุกสักเพียงใด แม้ผมจะนั่งติดกับจอยแค่ที่ท้าวแขนกั้นกลาง  แต่ภารกิจของผมยังไม่สิ้นสุดลง
                    “อืม เหลือสามคนแล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ เอกไหนเธอมีความคิดอะไรว่ามาซิ”
                    “ไปกินไอศกรีมกันไหม” จอยเอ่ยปากออกมาขณะที่ผมมัวแต่ใช้ความคิด
                    “ดีสิ ไปสเวนเซนละกัน เอกนายเลี้ยงด้วยเลย โทษฐานคิดช้า” เก๋รีบเสนอความเห็น
                    “อืม ได้สิ” ผมรีบตอบรับโอกาสสุท้ายนั้นทันที
   
                    ขณะกินไอศกรีมกัน เก๋ขอตัวไปเข้าห้องน้ำทำให้บรรยากาศภายในเหลือเพียงผมกับจอยอยู่สองคนบนโต๊ะ เวลาแบบนี้เป็นโอกาสอันเหมาะที่ผมจะบอกความในใจให้เธอทราบออกไป
                    “จอยหนังวันนี้สนุกเนอะ ตอนที่พระเอกพานางเอกหลบกระสุนปืนพอดี”
                    “อืมใช่ เราชอบมากเลย ตอนนี้พระเอกพูดว่า ไม่เป็นไรผมจะปกป้องคุณเอง ดูแล้วโรแมนติคเนอะ”
                    “ใช่”
                    “ถ้ามีคนปกป้องเราอย่างงั้นก็ดีนะ”
                    “ใช่ดี”
                    “แล้วถ้าเป็นเอกล่ะจะปกป้องเราไหม”
                    ขณะที่ผมเตรียมตัวจะตอบ เก๋ก็กลับเข้ามาพอดี
                    “อ้าวไอศกรีมไม่พร่องไปเลยนะ เราไปตั้งนาน” เก๋กลับเข้ามาที่โต๊ะในขณะที่ผมกำลังจะตอบคำตอบสำคัญออกไป
                    “เดี๋ยวเรากลับกันเถอะ เมื่อกี้พ่อเราโทรมาตามแล้วล่ะ เอ้อจอย พ่อเราบอกว่ามีของจะให้น่ะ เดี๋ยวไปกันกับเรานะ”
                    “ได้สิ  ไม่ได้เจอพ่อเก๋นานแล้ว”
                    “งั้นกินเสร็จแล้วเราแยกกันเลยนะ เผื่อว่าเอกเค้าจะไปกับสาวคนไหนต่อ”
                    “ไม่ล่ะเราคงกลับบ้านเลย” ผมตอบทั้งๆที่ความผิดหวังเอ่อล้นความรู้สึกเกือบจะปิดไม่มิด
                    “งั้นโชคดีนะเจอกันวันจันทร์” เก๋เอ่ยแล้วก็จากไปพร้อมกับจอยที่โบกมือลาแล้วผมก็มองจอยจนลับตา
                    หลังจากนั้นผมก็เดินกลับบ้านด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว โอกาสที่ผมเตรียมตัวมาสองปีเพื่อรอวันนี้ ดอกกุหลาบสีชมพู การ์ดสีชมพู ถ้อยคำสารภาพรัก สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่ผมเก็บรักษาไว้ และนี่คงจะเป็นปีที่สามที่ดอกไม้ในแจกันจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกดอกนึง และผมคงหมดโอกาสที่จะเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันใหม่
                   
โอกาสเป็นของคนที่กล้า ถ้าไม่อยากจะเก็บดอกไม้ในใจ ไว้เพียงแค่รูปภาพ หรือแค่ในแจกัน
เรื่องนี้ผมแต่งเฉพาะกิจสำหรับวันวาเลนไทน์ อาจจะไม่ค่อยดี ถือว่าอ่านกันเล่นๆนะครับ ยังไงช่วยติชมกันบ้างนะครับแล้วตามอ่านเรื่องอื่นของผมด้วยนะครับ
freqly
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น